ระยะเวลา

ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาVSแบบตลอดชีพ

แรกเริ่มเดิมทีนั้นการทำประกันชีวิตไม่ได้มีรูปแบบความคุ้มครองที่ยุ่งยากซับซ้อน โดยมีพื้นฐานแนวคิดมาจากการโอนความเสี่ยงภัยไปให้ผู้รับประกันชีวิต  โดยผู้เอาประกันชีวิตจะต้องจ่ายเบี้ยเป็นเงินจำนวนหนึ่งให้ผู้รับประกันภัยเพื่อเก็บรวบรวมไว้เป็นกองทุน โดยหากมีภัยเกิดขึ้นจนทำให้ผู้เอาประกันเสียชีวิตก็จะนำเงินส่วนหนึ่งจากกองทุนดังกล่าวมาจ่ายชดเชยความเสียหายให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ดังนั้นเจตนารมณ์ของการริเริ่มทำประกันชีวิตก็คือ การช่วยเหลือบุคคลที่อยู่ร่วมกันในสังคมยามมีภัยจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นนั่นเอง แต่ในปัจจุบันการทำประกันชีวิตนั้นมีแบบต่าง ๆ ให้เลือกมากมายตามความต้องการที่หลากหลายของคนในสังคม โดยในที่นี้จะกล่าวถึงการทำประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลากับแบบตลอดชีพว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร โดยการอธิบายแบบง่าย ๆ เพื่อให้เห็นภาพและเกิดความเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น ดังนี้

  1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา

                เป็นแบบประกันขีวิตที่มีความซับซ้อนน้อยที่สุด หรือเรียกได้ว่าเป็นประกันชีวิตแบบแรกที่ถูกคิดค้นชึ้นมาโดยมีเงื่อนไขคือผู้เอาประกันชีวิตต้องจ่ายเบี้ยประกันจำนวนหนึ่งให้กับบริษัทประกันโดยจะมีความคุ้มครองคือ หากผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาคุ้มครองที่กำหนดในกรมธรรม์ เช่น ภายใน 10 ปี หรือ 15 ปี บริษัทประกันจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับผู้รับประโยชน์ที่มีชื่อระบุไว้ในสัญญา ซึ่งในระหว่างที่สัญญามีผลบังคับหรือเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงผู้เอาประกันจะไม่ได้รับผลประโยชน์อื่นใดจากกรมธรรม์ จึงเรียกได้ว่าเป็นการจ่ายเบี้ยแบบสูญเปล่าโดยไม่มีเรื่องของการออมเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของการทำประกันชีวิตรูปแบบนี้คือเพื่อคุ้มครองการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร โดยการทำประกันรูปแบบนี้มีค่าเบี้ยประกันไม่สูง จึงเหมาะกับผู้ที่มีรายได้ไม่มากนักแต่ต้องการความคุ้มครองเพื่อไม่ให้คนข้างหลังหรือครอบครัวต้องแบกรับภาระหนักเมื่อผู้เอาประกันซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวได้เสียชีวิตลง

  1. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ

                เป็นแบบประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครอง 2 กรณีคือ กรณีเสียชีวิตและกรณีมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดอายุตามสัญญา จึงถือได้ว่าเป็นแบบประกันที่เงื่อนไขมีความยืดหยุ่นและให้ความคุ้มครองตามสถานการณ์กล่าวคือ
                2.1 กรณีเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา  หากผู้เอาประกันเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาคุ้มครอง บริษัทประกันจะจ่ายทุนประกันให้กับผู้รับประโยชน์ เพื่อใช้เป็นเงินทุนจำนวนหนึ่งสำหรับครอบครัวและคนข้างหลัง
                2.2 กรณีมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดอายุตามสัญญา หากผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่จนครบระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา เช่น ผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่จนอายุครบ 90 ปีตามสัญญา บริษัทประกันก็จะจ่ายทุนประกันให้กับผู้เอาประกันภัยซึ่งอยู่ในวัยชรา ทำให้มีค่าใช้จ่ายในช่วงบั้นปลายชีวิตไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลหรือค่าจัดงานศพเพื่อไม่ให้ชีวิตในช่วงบั้นปลายหรือการเสียชีวิตของผู้เอาประกันตกเป็นภาระให้กับคนข้างหลังหรือครอบครัวนั่นเอง

                ทั้งนี้ด้วยความคุ้มครองที่มากกว่าจึงทำให้ค่าเบี้ยประกันภัยแบบตลอดชีพนั้นสูงกว่าแบบชั่วระยะเวลา

                จะเห็นได้ว่าการทำประกันชีวิตทั้งสองแบบนั้นมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง แต่ด้วยคำอธิบายดังกล่าวข้างต้นก็คงจะช่วยให้ผู้อ่านคลายความสงสัยและสามารถแบ่งแยกความแตกต่างของการทำประกันชีวิตทั้งสองแบบได้อย่างเข้าใจมากยิ่งขึ้น

ขอบคุณรูปจาก pixabay.com

สำหรับผู้สนใจสร้างธุรกิจ ที่ปรึกษาการเงิน ของตนเอง วันนี้ MissionFA ทีมงานที่ปรึกษาการเงินมืออาชีพ เปิดโอกาส รับสมัคร partner เข้าร่วมธุรกิจกับเรา โดยทางเรามี know how และระบบ coaching คอยช่วยเหลือทั้งหมด

บริการแนะนำและให้คำปรึกษาวางแผนการเงินครบวงจร : เกษียณ  ภาษี ประกัน  กองทุนรวม หุ้น 
Line@ : @missionfa
(ต้องใส่ @ นำหน้า) หรือกด Add ที่ลิงค์ได้เลยครับ
เพิ่มเพื่อน

สมัครที่ปรึกษาทางการเงิน (รับทั้ง Full Time / Part Time) 
แบบฟอร์มสมัครงาน :  https://www.missionfa.com/fa-bluestar

ข้อมูลข่าวสาร กิจกรรมต่างๆ ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/MISSION.FA.TEAM
Twitter : https://twitter.com/9missionfa
Instragram : https://www.instagram.com/9missionfa
Youtube :

ปฎิทิน

September 2023
M T W T F S S
« Dec    
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930